การจะเรียนภาษาญี่ปุ่นนั้น เรื่องแรกที่คิดว่าสำคัญในการจะเรียนภาษาที่มีระบบการฟังพูดอ่านเขียนแตกต่างกับภาษาไทยมาก เห็นทีจะต้องเรียนที่ตัวอักษรกันก่อน(ไม่นับการฟังพูดนะ!!) เพราะหนังสือเรียนภาษาญี่ปุ่นส่วนมากใช้อักษรญี่ปุ่นเขียนทั้งนั้น
เอาล่ะ เริ่มกันโลด ~
เอาล่ะ เริ่มกันโลด ~
ตัวอักษรในภาษาญี่ปุ่นมี 3 ชนิด
- ฮิรางานะ (Hiragana)
ประกอบด้วยตัวอักษร 46 ตัว มีเสียงอ่านในตัวเอง
ส่วนใหญ่จะเริ่มจากการแทนตัวอักษรญี่ปุ่นด้วยภาษาอังกฤษ (โรมาจิ) และเมื่อเริ่มคุ้นเคยแล้ว ก็จะเริ่มจำฮิรางานะ คาตาคานะ และคันจิ ต่อไปตามลำดับ
- คาตาคานะ (Katakana)
ประกอบด้วยตัวอักษร 46 ตัว เหมือนกับฮิรางานะ และอ่านออกเสียงเหมือนกัน แต่การเขียนต่างกัน
คาตาคานะมักจะใช้แทนคำที่ทับศัพท์มากจากภาษาต่างชาติ เช่น テ(te) レ(re) ビ(bi) ซึ่งเมื่อเขียนต่อกันก็จะได้เป็น テレビ(terebi) ซึ่งเป็นการทับศัพท์และย่อให้กระชับจากคำว่าโทรทัศน์ (televison) เป็นต้น
- คันจิ (Kanji)
เป็นตัวอักษรจีน ซึ่งญี่ปุ่นได้ดัดแปลงบางส่วนให้กระชับขึ้น มีทั้งสิ้นประมาณ 5,000 ตัว แต่ที่ใช้โดยทั่วไปมีประมาณ 1,800 ตัว แต่ละตัวจะมีความหมายและวิธีอ่านออกเสียงเป็นการเฉพาะ จึงจำเป็นต้องใช้เวลาในการฝึกฝนให้เชี่ยวชาญ ผู้ที่เริ่มศึกษาใหม่อาจจะตั้งเป้าหมายว่าจะจำตัวคันจิเบื้องต้นประมาณ 50-100 ตัว
นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดมาตรฐานการเขียนคำอ่านภาษาญี่ปุ่น ด้วยภาษาอังกฤษอีก 1 ชนิด คือ โรมาจิ ดังนี้
- โรมาจิ (Romaji)
เป็นอักษรภาษาอังกฤษที่ใช้แทนการเขียนอ่านด้วยภาษาญี่ปุ่น มีหลักเกณฑ์มาตรฐานที่ชัดเจน จึงมีความสะดวกต่อชาวต่างชาติในการฝึกเรียนภาษาญี่ปุ่นด้วยการเขียนและอ่าน
Note:
*を เป็นคำช่วย อ่านออกเสียง "โอ๊ะ" แต่เวลาฟังเพลงส่วนใหญ่จะออกเสียง "โว๊ะ"
**ん เป็นตัวสะกด อ่านออกเสียง"อึน" หรือ "อึง"
***は ปกติอ่านออกเสียง "ฮะ" แต่เมื่อใช้เป็นคำช่วย ต้องอ่านออกเสียง "วะ"
****へ ปกติอ่านออกเสียง "เฮะ" แต่เมื่อใช้เป็นคำช่วย ต้องอ่านออกเสียง "เอ๊ะ"
เสียงขุ่น (dakuon) เป็นการเปลี่ยนเสียงโดยการเติมสัญญลักษณ์ เรียกว่า (dakuten) หรือเรียกอย่างไม่เป็นทางการตามรูปทรงของสัญลักษณ์ว่า tenten ตามหลังอักษรในแถว 「か」「さ」「た」「は」
หรือโดยวิธีเติมสัญญักษณ์ (handakuten) หรือเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า maru ตามหลังอักษรในแถว 「は」 เพื่อให้เกิดเสียงที่เปลี่ยนไปจากเดิม
เสียงควบ (youon)
คือการนำอักษรที่ออกเสียง 'i' เช่น き, し, ち, ..... มาผสมกับอักษรในแถว ya คือ や, ゆ, よ ที่แปลงรูปอักษรให้ตัวเล็กลงเป็น ゃ, ゅ, ょ เพื่อให้เกิดการออกเสียงควบกล้ำกันระหว่างสระ 2 ชนิด (เช่น i+a, i+u, i+o)
*を เป็นคำช่วย อ่านออกเสียง "โอ๊ะ" แต่เวลาฟังเพลงส่วนใหญ่จะออกเสียง "โว๊ะ"
**ん เป็นตัวสะกด อ่านออกเสียง"อึน" หรือ "อึง"
***は ปกติอ่านออกเสียง "ฮะ" แต่เมื่อใช้เป็นคำช่วย ต้องอ่านออกเสียง "วะ"
****へ ปกติอ่านออกเสียง "เฮะ" แต่เมื่อใช้เป็นคำช่วย ต้องอ่านออกเสียง "เอ๊ะ"
เสียงขุ่น (dakuon) เป็นการเปลี่ยนเสียงโดยการเติมสัญญลักษณ์ เรียกว่า (dakuten) หรือเรียกอย่างไม่เป็นทางการตามรูปทรงของสัญลักษณ์ว่า tenten ตามหลังอักษรในแถว 「か」「さ」「た」「は」
หรือโดยวิธีเติมสัญญักษณ์ (handakuten) หรือเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า maru ตามหลังอักษรในแถว 「は」 เพื่อให้เกิดเสียงที่เปลี่ยนไปจากเดิม
เสียงควบ (youon)
คือการนำอักษรที่ออกเสียง 'i' เช่น き, し, ち, ..... มาผสมกับอักษรในแถว ya คือ や, ゆ, よ ที่แปลงรูปอักษรให้ตัวเล็กลงเป็น ゃ, ゅ, ょ เพื่อให้เกิดการออกเสียงควบกล้ำกันระหว่างสระ 2 ชนิด (เช่น i+a, i+u, i+o)
Note:
*แถวเสียงนี้ เวลาอยู่หน้าอยู่พยางค์หน้าออกเสียง "กง่ะ" แต่ถ้าอยู่พยางค์หลังจะอ่านออกเสียง "หง่ะ" ซึ่งจะออกเสียงขุ่นกว่า
**แถวเสียง "ซะ" เวลาออกเสียง ให้เอาปลายลิ้นไปแตะฟันหน้าแล้วออกเสียงให้มีลมลอดออกมา (เสียงที่ได้จะขุ่น)
*แถวเสียงนี้ เวลาอยู่หน้าอยู่พยางค์หน้าออกเสียง "กง่ะ" แต่ถ้าอยู่พยางค์หลังจะอ่านออกเสียง "หง่ะ" ซึ่งจะออกเสียงขุ่นกว่า
**แถวเสียง "ซะ" เวลาออกเสียง ให้เอาปลายลิ้นไปแตะฟันหน้าแล้วออกเสียงให้มีลมลอดออกมา (เสียงที่ได้จะขุ่น)
และยังมีแถวเสียงที่ผสมขึ้นมา โดยการนำแถวเสียง "ยะ" มาใส่ไว้ด้านหลังค่ะ โดยแถวเสียง "ยะ" ที่นำมาต่อท้ายต้องเขียนด้วยตัวอักษรตัวเล็ก
ตารางเสียงอ่านฮิรากานะ
เสียง อะ | เสียง อิ | เสียง อุ | เสียง เอะ | เสียง โอะ | |
---|---|---|---|---|---|
แถว あ | あ | い | う | え | お |
a | i | u | e | o | |
แถว か | か | き | く | け | こ |
ka | ki | ku | ke | ko | |
แถว さ | さ | し | す | せ | そ |
sa | shi | su | se | so | |
แถว た | た | ち | つ | て | と |
ta | chi | tsu | te | to | |
แถว な | な | に | ぬ | ね | の |
na | ni | nu | ne | no | |
แถว は | は | ひ | ふ | へ | ほ |
ha | hi | fu | he | ho | |
แถว ま | ま | み | む | め | も |
ma | mi | mu | me | mo | |
แถว や | や | ゆ | よ | ||
ya | yu | yo | |||
แถว ら | ら | り | る | れ | ろ |
ra | ri | ru | re | ro | |
แถว わ | わ | を | |||
wa | o | ||||
ん | |||||
n |
เสียงขุ่น
เสียง อะ | เสียง อิ | เสียง อุ | เสียง เอะ | เสียง โอะ | |
---|---|---|---|---|---|
แถว か | が | ぎ | ぐ | げ | ご |
ga | gi | gu | ge | go | |
แถว さ | ざ | じ | ず | ぜ | ぞ |
za | ji | zu | ze | zo | |
แถว た | だ | ぢ | づ | で | ど |
da | ji | tzu | de | do | |
แถว は | ば | び | ぶ | べ | ぼ |
ba | bi | bu | be | bo | |
แถว は | ぱ | ぴ | ぷ | ぺ | ぽ |
pa | pi | pu | pe | po |
เสียงควบ
や | ゆ | よ | |||
---|---|---|---|---|---|
き | きゃ | きゅ | きょ | ||
kya | kyu | kyo | |||
ぎ | ぎゃ | ぎゅ | ぎょ | ||
gya | gyu | gyo | |||
し | しゃ | しゅ | しょ | ||
sha | shu | sho | |||
じ | じゃ | じゅ | じょ | ||
ja | ju | jo | |||
ち | ちゃ | ちゅ | ちょ | ||
cha | chu | cho | |||
ぢ | ぢゃ | ぢゅ | ぢょ | ||
ja | ju | jo | |||
ひ | ひゃ | ひゅ | ひょ | ||
hya | hyu | hyo | |||
び | びゃ | びゅ | びょ | ||
bya | byu | byo | |||
ぴ | ぴゃ | ぴゅ | ぴょ | ||
pya | pyu | pyo |
にゃ
nya เนี๊ยะ |
にゅ
nyu นิ๊ว |
にょ
nyo เนี๊ยว |
ひゃ
hya เฮี๊ยะ |
ひゅ
hyu ฮิ๊ว |
ひょ
hyo เฮี๊ยว |
みゃ
mya เมี๊ยะ |
みゅ
myu มิ๊ว |
みょ
myo เมี๊ยว |
りゃ
rya เรี๊ยะ |
りゅ
ryu ริ๊ว |
りょ
ryo เรี๊ยว |
Tips:
สำหรับคนไทยเสียงผสมค่อนข้างออกเสียงยาก สำหรับเสียง "เอียะ" คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ที่ยากคือแถวเสียงที่เหลือ ยกตัวอย่างเช่น "คยึ" หรือ "คโยะ" คนไทยจะออกเสียงว่า "คิว" หรือ "เคียว" ไปเลย จะว่าออกเสียงผิดไหม ก็ไม่น่าจะผิดอะไร เพราะมันก็เหมือนกับการออกเสียงโดยอาศัยการควบของจังหวะเสียงเร็ว ๆ แต่พึงระวังเอาไว้ว่า เสียงนี้เป็นเสียงสั้น ถ้าเป็นเสียงยาวจะต้องมี "อุ" ต่อท้าย เช่น きょう (Kyou=เคียว) หรือ りゅう (Ryuu=ริว) ดังนั้น หากจะลักไก่อ่านออกเสียงเป็น "คิว" หรือ "เคียว" ฯลฯ อย่าออกเสียงลากยาวนะ ให้สะบัดเสียงให้สั้นลงจะได้ถูกต้อง
คาตาคานะ カタカナ เป็นตัวอักษรที่ดัดแปลงจากตัวอักษรคันจิ แต่นำมาเพียงแค่เส้นบางส่วนเท่านั้น(มันเลยเป็นเหลี่ยมๆ ตรงๆ ไม่เหมือนฮิรากานะ) คาตาคานะประกอบด้วยอักษร 46 ตัว เหมือนฮิรากานะ รวมถึงมีวิธีอ่านเหมือนกันทุกประการ(เปลี่ยนไปแค่รูปการเขียน) คาตาคานะมักจะใช้เป็นอักษรที่แสดงคำทับศัพท์ที่จากภาษาต่างประเทศ ซึ่งคำศัพท์ดังกล่าวจะปรากฎในชีวิตประจำวันบ่อยๆ เช่น คอมพิวเตอร์ วิทยุ โทรศัพท์ กล้อง ฟิล์ม ฯลฯ ตลอดจนชื่อประเทศ ชื่อเมือง และชื่อคนต่างชาติ เป็นต้น[ดูศัพท์จากชาร์ทประกอบ]
Note:
* และ ** ดูจากตารางฮิระงะนะประกอบ
***อักษรที่คล้ายกัน ต้องระวังด้วยนะ จุดสังเกตง่าย ๆ ก็คือ
シ "ชิ" ขีดด้านข้าง จะลากเข้าหาด้านข้าง เส้นด้านล่างลากขึ้น
ツ "ทซึ" ขีดด้านข้าง จะลากลงด้านล่างแต่มีแค่ขีดเดียว เส้นด้านล่างลากลง
ソ "โสะ" ขีดด้านข้าง จะลากลงด้านล่าง เส้นด้านล่างลากลง
ン "อึน" ขีดด้านข้าง จะลากเข้าหาด้านข้างแต่มีแค่ขีดเดียว เส้นด้านล่างลากขึ้น
ノ "โนะ" ลากลงมาขีดเดียวโดด ๆ เลย
* และ ** ดูจากตารางฮิระงะนะประกอบ
***อักษรที่คล้ายกัน ต้องระวังด้วยนะ จุดสังเกตง่าย ๆ ก็คือ
シ "ชิ" ขีดด้านข้าง จะลากเข้าหาด้านข้าง เส้นด้านล่างลากขึ้น
ツ "ทซึ" ขีดด้านข้าง จะลากลงด้านล่างแต่มีแค่ขีดเดียว เส้นด้านล่างลากลง
ソ "โสะ" ขีดด้านข้าง จะลากลงด้านล่าง เส้นด้านล่างลากลง
ン "อึน" ขีดด้านข้าง จะลากเข้าหาด้านข้างแต่มีแค่ขีดเดียว เส้นด้านล่างลากขึ้น
ノ "โนะ" ลากลงมาขีดเดียวโดด ๆ เลย
ชาร์ทเสียงขุ่นและเสียงควบ
เสียง อะ | เสียง อิ | เสียง อุ | เสียง เอะ | เสียง โอะ | |
---|---|---|---|---|---|
แถว ア | ア | イ | ウ | エ | オ |
a | i | u | e | o | |
แถว カ | カ | キ | ク | ケ | コ |
ka | ki | ku | ke | ko | |
แถว サ | サ | シ | ス | セ | ソ |
sa | shi | su | se | so | |
แถว タ | タ | チ | ツ | テ | ト |
ta | chi | tsu | te | to | |
แถว ナ | ナ | ニ | ヌ | ネ | ノ |
na | ni | nu | ne | no | |
แถว ハ | ハ | ヒ | フ | ヘ | ホ |
ha | hi | fu | he | ho | |
แถว マ | マ | ミ | ム | メ | モ |
ma | mi | mu | me | mo | |
แถว ヤ | ヤ | ユ | ヨ | ||
ya | yu | yo | |||
แถว ラ | ラ | リ | ル | レ | ロ |
ra | ri | ru | re | ro | |
แถว ワ | ワ | ヲ | |||
wa | o | ||||
ン | |||||
n |
ote:
* และ ** ดูจากตารางฮิระงะนะประกอบ
* และ ** ดูจากตารางฮิระงะนะประกอบ
และตัวอักษรคะตะคะนะก็มีการนำแถวเสียง "ยะ" ตัวเล็ก มาทำเป็นเสียงผสมเหมือนกับฮิระงะนะได้เช่นเดียวกัน ตามนี้เลย
キャ KYA | シャ SHA | チャ CHA | ニャ NYA | ヒャ HYA | ミャ MYA | リャ RYA | ギャ GYA | ジャ JA | ビャ BYA | ピャ PYA |
キュ KYU | シュ SHU | チュ CHU | ニュ NYU | ヒュ HYU | ミュ MYU | リュ RYU | ギュ GYU | ジュ JU | ビュ BYU | ピュ PYU |
キョ KYO | ショ SHO | チョ CHO | ニョ NYO | ヒョ HYO | ミョ MYO | リョ RYO | ギョ GYO | ジョ JO | ビョ BYO | ピョ PYO |
นอกจากแถวเสียงที่ผสมขึ้นมา โดยใช้แถวเสียง "ยะ" ตัวเล็กมาต่อท้ายแล้ว ตัวอักษรคะตะคะนะจะมีแถวเสียงผสมที่ใช้แถวเสียงอื่น ๆ ตัวเล็กเพิ่มเติมขึ้นมาด้วย ดังนี้
ヴァ VA | クァ KWA | ツァ TSA | ファ FA | |||
ウィ WI | ヴィ VI | ティ TI | ディ DI | フィ FI | ||
ヴ VU | デュ DU | |||||
ウェ WE | ヴェ VE | ツェ TSE | フェ FE | |||
ウォ WO | ヴォ VO | ツォ TSO | フォ FO |
Tips:
ถ้าต้องการให้ออกเสียงยาว ให้ใช้ 『ー』 ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนเสียงยาวในภาษาญี่ปุ่นค่ะ เช่น คำว่า "Fram=กรอบ" หรือ "Flame=เปลวไฟ" ก็จะเป็น フレーム
ถ้าต้องการให้ออกเสียงยาว ให้ใช้ 『ー』 ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนเสียงยาวในภาษาญี่ปุ่นค่ะ เช่น คำว่า "Fram=กรอบ" หรือ "Flame=เปลวไฟ" ก็จะเป็น フレーム
ขอให้สนุกกับการเรียนภาษาญี่ปุ่น มาพยายามไปด้วยกันนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น